ทีมชาติอาร์เจนตินาบุกถล่มประตูใส่ จันลุยจี ดอนนารุมมา ผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีอีกครั้งจนต้องกลับไปทบทวนระบบการเล่นของทีมใหม่ หลังจากผ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขัน “Finalisima” Cup เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2565 เวลา 1.45 ที่ผ่านมา ทีมชาติอาร์เจนตินา ได้ครองตำแหน่งแชมป์อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากเอาชนะขาดลอยไปได้ถึง 3 ประตูต่อ 0 ทีมชาติอาร์เจนตินา นำทัพโดย ลิโอเนล เมสซี ในการเผชิญหน้ากับทีม Azzurri ซึ่งทีมชาติอิตาลีต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังจากที่ล้มเหลวในการไปถึงฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น
ด้วยการบุกอย่างดุดันของทั้งสองฝ่าย ระหว่างทีมชาติอิตาลีและทีมชาติอาร์เจนตินา
เข้าปะทะอย่างหนักกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเกม
มีจังหวะสร้างความหวาดเสียวได้เป็นระยะ แต่ยังไม่มีผลประตูได้เสียใด ๆ ในช่วง 20
นาทีแรก หลังจากนั้นทีมชาติอาร์เจนตินาเริ่มมีการครองบอลมากยิ่งขึ้น
และโจมตีเข้าสู่แนวรับของอิตาลีอย่างรวดเร็ว ทำให้แนวรับอิตาลีเริ่มต้านทานไม่ไหว
จนถึงนาทีที่ 23 ลูกจ่ายบอลสุดสวยของกัปตันทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี จ่ายบอลให้กับ
ศูนย์หน้าอย่าง เลาตาโร มาร์ติเนซ ใช้เท้าสะกิดบอลเข้าไปอย่างสวยงาม
ทำให้ทีมชาติอาร์เจนตินาขึ้นนำไปก่อน 1 ประตูต่อ 0
หลังจากนั้นทีมชาติอิตาลีพยายามตั้งสติ และโหมบุกใส่ทีมชาติอาร์เจนตินาอย่างหนัก
สร้างโอกาสยิงได้หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความเฉียบคมมากพอที่จะผ่านมือ เอมิเลียโน
มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูมือฉมังของทีมชาติอาร์เจนตินาได้เลย
และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แนวรับของทีมชาติอิตาลีก็ทำผิดพลาดอีกครั้ง ปล่อยให้
อังเคล ดิ มาเรีย หลุดเดี่ยวเข้าไปดวล 1 - 1 กับผู้รักษาประตู จันลุยจี ดอนนารุมมา
ชิพบอลข้ามตัวผู้รักษาประตูเข้าสู่ก้นตาข่ายได้อย่างสวยงาม พาทีมชาติอาร์เจนตินาขึ้นนำ
2 ประตูต่อ 0 ในช่วงครึ่งเวลาแรก
ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นด้วยความยอดเยี่ยมของทีมชาติอาร์เจนตินา
สามารถคุมพื้นที่ในสนามได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแนวรุกหรือแนวรับ
และยังสามารถสร้างโอกาสการทำประตูได้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของ จันลุยจี
ดอนนารุมมา สามารถช่วยทัพ Azzurri ไม่ให้เสียประตูมากขึ้นกว่าเดิมหลายต่อหลายครั้ง แต่ในทางกลับกันทีมชาติอิตาลี
ก็ไม่ได้แสดงว่าทีมของตนเองนั้นด้อยกว่าแต่อย่างใด พยายามแสดงความสามารถเฉพาะตัว แสดงทีมเวิร์คในการเล่นฟุตบอลด้วยเทคนิคที่ยอดเยี่ยมของตัวผู้เล่นหลากหลาย
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถผ่านแนวรับทีมชาติอาร์เจนตินาไปได้เลย
ทำให้ผู้รักษาประตูอย่าง เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ไม่ต้องเหนื่อยในเกมนี้มากนัก จนเข้าสู่ท้ายของเกมการแข่งขัน
หลายๆ คน คิดว่าผลการแข่งขันคงจะจบลงที่ 2 ประตูต่อ 0 แล้วเป็นแน่ แต่ในนาทีที่ 90
ได้เปลี่ยนตัวสำรองสุดเฉียบคมของยุเวนตุส อย่าง เปาโล ดิบาลา ลงมาเป็นตัวสำรอง
และเขาลงเล่นได้เพียง 4 ทีเท่านั้น ในนาทีที่ 94 เปาโล ดิบาลา
รับบอลกระชอกจากการโดนสกัดของ ลิโอเนล เมสซี บรรจงใช้เท้าซ้ายแปบอลเลียดพื้นเข้ามุมขวาของประตูอย่างสวยงาม
ทำให้การแข่งขันจบลง ที่สกอร์ 3 ประตูต่อ 0
เรื่องราวกีฬา ฟุตบอล ข่าวคราววงการฟุตบอล พร้อมกับมอบความสนุกและความตื่นเต้นให้กับคุณ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณคว้ารางวัลแจ็กพอตที่ใหญ่ที่สุด แทงบอลauto